วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559

Lesson 7


บันทึกอนุทิน

วิชา  การจัดประสบการณ์การศึกษาเเบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
( Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood )
อารจารย์ผู้สอน  อ.กฤต  แจ่มถิน
ประจำวัน  พุธที่   9   มีนาคม  2559
เรียนครั้งที่  7   เวลา  08.30 -12.30 น.
กลุ่ม  102  ห้อง 224






Knowledge  (ความรู้)

              ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

 เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ (Children with Behavioral and Emotional Disorders)
  • มีความรู้สึกนึกคิดที่ผิดไปจากปกติ
  • แสดงออกถึงความต้องการทำร้ายตนเองหรือผู้อื่น
  • มีความเชื่อมั่นในตนเองต่ำ
  • เด็กที่มีการควบคุมอารมณ์ให้อยู่ในสภาพปกตินาน ๆ ไม่ได้
  • เด็กที่ควบคุมพฤติกรรมบางอย่างของตนเองไม่ได้
  • ทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเรียบร้อย

   ลักษณะของเด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
  • ความวิตกกังวล (Anxiety) ซึ่งทำให้เด็กมีนิสัยขี้กลัว
  • ภาวะซึมเศร้า (Depression) มีความเศร้าในระดับที่สูงเกินไป
  • ปัญหาทางสุขภาพ และขาดแรงกระตุ้นหรือความหวังในชีวิต 

   การจำแนกเด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ ตามกลุ่มอาการ
          
     ด้านความประพฤติ (Conduct Disorders)
  • ทำร้ายผู้อื่น ทำลายสิ่งของ ลักทรัพย์
  • ฉุนเฉียวง่าย หุนหันพลันแล่น และเกรี้ยวกราด
  • กลับกลอก เชื่อถือไม่ได้ ชอบโกหก ชอบโทษผู้อื่น
  • เอะอะและหยาบคาย
  • หนีเรียน รวมถึงหนีออกจากบ้าน
  • ใช้สารเสพติด
  • หมกมุ่นในกิจกรรมทางเพศ

     ด้านความตั้งใจและสมาธิ (Attention and Concentration) 
  • จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งในระยะสั้น (Short attention span) อาจไม่เกิน 20 วินาที
  • ถูกสิ่งต่างๆ รอบตัวดึงความสนใจได้ตลอดเวลา
  • งัวเงีย ไม่แสดงความสนใจใดๆ รวมถึงมีท่าทางเหมือนไม่ฟังสิ่งที่ผู้อื่นพูด
     สมาธิสั้น (Attention Deficit)
  • มีลักษณะกระวนกระวาย ไม่สามารถนั่งนิ่งๆ ได้ หยุกหยิกไปมา
  • พูดคุยตลอดเวลา มักรบกวนหรือเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่น
  • มีทักษะการจัดการในระดับต่ำ
     การถอนตัวหรือล้มเลิก (Withdrawal)
  • หลีกเลี่ยงการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และมักรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าผู้อื่น
  • เฉื่อยชา และมีลักษณะคล้ายเหนื่อยตลอดเวลา
  • ขาดความมั่นใจ ขี้อาย ขี้กลัว ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก
     ความผิดปกติในการทำงานของร่างกาย(Function Disorder)
  • ความผิดปกติเกี่ยวกับพฤติกรรมการกิน (Eating Disorder)
  • การอาเจียนโดยสมัครใจ (Voluntary Regurgitation)
  • การปฏิเสธที่จะรับประทาน
  • รับประทานสิ่งที่รับประทานไม่ได้
  • โรคอ้วน (Obesity)
  • ความผิดปกติของการขับถ่ายทั้งอุจจาระและปัสสาวะ (Elimination Disorder)
     ภาวะความบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ระดับรุนแรง
  • ขาดเหตุผลในการคิด
  • อาการหลงผิด (Delusion)
  • อาการประสาทหลอน (Hallucination)
  • พฤติกรรมการทำร้ายตัวเอง
     สาเหตุ
  • ปัจจัยทางชีวภาพ (Biology)
  • ปัจจัยทางจิตสังคม (Psychosocial)
     ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อเด็ก
  • ไม่สามารถเรียนหนังสือได้เช่นเด็กปกติ
  • รักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนหรือกับครูไม่ได้
  • มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เมื่อเทียบกับเด็กในวัยเดียวกัน
  • มีความคับข้องใจ มีความเก็บกดอารมณ์
  • แสดงอาการทางร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
  • มีความหวาดกลัว


  เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรม ซึ่งจัดว่ามีความรุนแรงมาก
  • เด็กสมาธิสั้น (Children with Attention Deficit and Hyperactivity Disorders)
  • เด็กออทิสติก (Autistic) หรือ ออทิสซึ่ม (Autisum)



                เด็กสมาธิสั้น (Children with Attention Deficit Hyperactivity Disorders)


  ADHD เป็นภาวะผิดปกติทางจิตเวช  มีลักษณะเด่นอยู่ 3 ประการ คือ
  • Inattentiveness
  • Hyperactivity
  • Impulsiveness
  Inattentiveness สมาธิสั้น
  • ทำอะไรได้ไม่นาน วอกแวก ไม่มีสมาธิ
  • ไม่สามารถจดจ่อกับงานที่กำลังทำได้นานเพียงพอ
  • มักใจลอยหรือเหม่อลอยง่าย
   Hyperactivity ซนไม่อยู่นิ่ง
  • ซุกซนไม่ยอมอยู่นิ่ง ซนมาก
  • เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
  • เหลียวซ้ายแลขวา
   Impulsiveness หุนหันพลันแล่น
  • ยับยั้งตัวเองไม่ค่อยได้ มักทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด วู่วาม
  • ขาดความยับยั้งชั่งใจ
  • ไม่อดทนต่อการรอคอย หรือกฎระเบียบ
   ยารักษาโรคสมาธิสั้นที่มีใช้ในประเทศไทย




 เด็กพิการซ้อน (Children with Multiple Handicaps)


  • เด็กที่มีความบกพร่องที่มากกว่าหนึ่งอย่าง เป็นเหตุให้เกิดปัญหาขัดข้องในการเรียนรู้อย่างมาก
  • เด็กปัญญาอ่อนที่สูญเสียการได้ยิน
  • เด็กปัญญาอ่อนที่ตาบอด
  • เด็กที่ทั้งหูหนวกและตาบอด


Skill  (ทักษะ)
      - ทักษะการคิดวิเคราะห์
      - ทักษะการตอบคำถาม



    Application  (การประยุกต์ใช้)
           นำความรู้ที่ได้เรียนไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนกับเด็กพิเศษ  เราจะต้องจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับอาการต่างๆของเด็กเเต่ละคน สอนให้เด็กเข้าใจ  สอนให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันได้  สามารถรักษาอาการต่างๆในเบื้องต้นได้ เราต้องเข้าใจให้ความรักความเอาใจใส่กับเด็กพิเศษ  คอยช่วยเหลือ ให้คำแนะนำผู้ปกครอง  และต้องส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีขั้น




    Technical  Education  (เทคนิคการสอน)
        - เทคการใช้สื่อในการสอน
        -เทคนิคการอธิบาย
        - เทคนิคการใช้ตัวอย่าง




     Evaluation (การประเมิน)
        Self  :  ตั้งใจเรียน   แต่งกายเรียบร้อย  เข้าใจในเนื้อหาที่เรียน
        Friend  :  ตั้งใจเรียน   ให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม
        Teacher  :  อาจารย์สอนเข้าใจง่าย  โดยการยกตัวอย่างประกอบ  และมีการให้ความรู้เพิ่มเติมนอกสไลด์







Lesson 6



บันทึกอนุทิน

วิชา  การจัดประสบการณ์การศึกษาเเบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
( Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood )
อารจารย์ผู้สอน  อ.กฤต  แจ่มถิน
ประจำวัน  พุธที่   24   กุมภาพันธ์  2559
เรียนครั้งที่  6   เวลา  08.30 -12.30 น.
กลุ่ม  102  ห้อง 224





***ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจากเป็นสัปดาห์เเห่งการสอบกลางภาค*** 
ภาคเรียนที่  1   ปีการศึกษา  2559











Lesson 5



บันทึกอนุทิน

วิชา  การจัดประสบการณ์การศึกษาเเบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
( Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood )
อารจารย์ผู้สอน  อ.กฤต  แจ่มถิน
ประจำวัน  พุธที่   17   กุมภาพันธ์  2559
เรียนครั้งที่  5   เวลา  08.30 -12.30 น.
กลุ่ม  102  ห้อง 224




Knowledge  (ความรู้)

 ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ


    เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ (Children with Learning Disabilities)

                                     


  • เรียกย่อๆ ว่า L.D. (Learning Disabilities)
  • เด็กที่มีปัญหาทาการเรียนรู้เฉพาะอย่าง
  • ไม่นับรวมเด็กที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยทางการเรียน เด็กมีปัญหาเนื่องจากความพิการ หรือความบกพร่องทางร่างกาย
     สาเหตุของ L.D.
  •  ความผิดปกติของการทำงานของสมองที่ไม่สามารถถอดรหัสตัวอักษรออกมาได้ (เชื่อมโยงภาพตัวอักษรเข้ากับเสียงไม่ได้)         
  •    กรรมพันธุ์
     1.ด้านการอ่าน (Reading Disorder)
  • อ่านหนังสือช้า ต้องสะกดทีละคำ
  • อ่านออกเสียงไม่ชัด ออกเสียงผิด หรืออาจข้ามคำที่อ่านไม่ได้ไปเลย
  • ไม่เข้าใจเนื้อหาที่อ่าน หรือจับใจความสำคัญไม่ได้
     ตัวอย่าง
  • จาน          --->          จาง/บา
  • ง่วง          --->          ม่วม/ม่ง/ง่ง
  • เลย          --->           เล
  • โบราณ      --->          โบรา
  • หนังสือ      --->         สือ
  • อรัญ          --->         อะรัย
     ลักษณะของเด็ก L.D. ด้านการอ่าน
  • อ่านช้า อ่านคำต่อคำ ต้องสะกดคำจึงจะอ่านได้
  • อ่านออกเสียงไม่ชัดเจน
  •  เดาคำเวลาอ่าน
  • อ่านข้าม อ่านเพิ่มคำ อ่านผิดประโยคหรือผิดตำแหน่ง
  • อ่านโดยไม่เน้นคำ หรือเน้นข้อความบางตอน
  • ผันเสียงวรรณยุกต์ไม่ได้
  • ไม่รู้ความหมายของเรื่องที่อ่าน
  • เล่าเรื่องที่อ่านไม่ได้ จับใจความสำคัญไม่ได้

     2.ด้านการเขียน (Writing Disorder)
  • เขียนตัวหนังสือผิด สับสนเรื่องการม้วนหัวอักษร เช่น ม เป็น น หรือจาก ภ เป็น ถ เป็นต้น
  • เขียนตามการออกเสียง เช่น ประเภท เขียนเป็น ประเพด
  • เขียนสลับ เช่น สถิติ เขียนเป็น สติถิ

     ลักษณะของเด็ก L.D. ด้านการเขียน
  • ลากเส้นวนๆ ไม่รู้ว่าจะม้วนหัวเข้าในหรือออกนอก ขีดวนๆ ซ้ำๆ
  • เรียงลำดับอักษรผิด เช่น สถิติ เป็น สติถิ
  • เขียนพยัญชนะหรือตัวเลยสลับกัน
         เช่น  ม-น,ภ-ถ,ด-ค,พ-ผ,b-d,p-q,6-9 
  • เขียนพยัญชนะ ก-ฮ ไม่ได้แต่บอกให้เขียนเป็นตัวๆ ได้
  • เขียนพยัญชนะ หรือ ตัวเลขกลับด้าน คล้ายมองจากกระจกเงา
  • เขียนคำตามตัวสะกด เช่น เกษตร เป็น กะเสด
  • จับดินสอหรือปากกาแน่นมาก *เขียนกดแรง มีลอยลบบ่อยเวลาเขียน
  • สะกดคำผิด โดยเฉพาะคำพ้องเสียง ตัวสะกดแม่เดียวกัน ตัวการันต์
  • เขียนหนังสือช้า เพราะ กลัวสะกดผิด
  • เขียนไม่ตรงบรรทัด ขนาดตัวอักษรไม่เท่ากีน ไม่เว้นขอบ ไม่เว้นช่องไฟ
  • ลบบ่อยๆ เขียนทับคำเดิมหลายครั้ง

     3.ด้านการคิดคำนวณ (Mathematics Disorder) 
  • ตัวเลขผิดลำดับ
  • ไม่เข้าในเรื่องราวการทดเลขหรือการยืมเลขเวลาทำการบวกหรือลบ
  • ไม่เข้าใจหลักเลขหน่วย สิบ ร้อย
  • แก้โจทย์ปัญาเลขไม่ได้
     ลักษณะของเด็ก L.D. ด้านการคำนวณ
  • ไม่เข้าใจค่าของตัวเลขเช่นหลักหน่วยสือ ร้อย พัน หมื่น เป็นเท่าใด
  • นับเลขไปข้างหน้าหรือถอยหลังไม่ได้
  • คำนวณบวก ลบ คูณ หาร โดยการนับนิ้ว
  • จำสูตรคูณไม่ได้
  • เขียนเลขกลับกันเช่น 13 เป็น 31
  • ทดไม่เป็นยืมไม่เป็น
  • ตีโจทย์เลขไม่ออก
  • คำนวณเลขจากซ้ายไปขวาแทนที่จะทำจากขวาไปซ้าย
  • ไม่เข้าในเรื่องเวลา

     4.หลาย ๆ ด้านร่วมกัน เขียน/อ่าน/คำนวณ

    อาการที่มักเกิดร่วมกันกับ L.D. 
  • แยกแยะขนาดสีและรูปร่างไม่ออก
  • มีปัญหาความเข้าใจเกี่ยวกับเวลา
  • เขียน/อ่านตัวอักษรสลับซ้าย-ขวา
  • งุ่มง่ามการประสานงานของกล้ามเนื้อไม่ดี
  • การประสานงานของสายตา-กล้ามเนื้อไม่ดี 
  • สมาธิไม่ได้ (เด็ก L.D. ร้อยละ 15-20 มีสมาธิสั้น ADHD ร่วมด้วย)
  • เขียนตามแบบไม่ค่อยได้
  • ทำงานช้า
  • การวางแผนงานและจัดระบบไม่ดี
  • ฟังคำสั่งสับสน
  • คิดแบบนามธรรมหรือคิดแก้ปัญหาไม่ค่อยดี
  • ความคิดสับสนไม่เป็นขั้นตอน
  • ความจำระยะสั้น/ยาวไม่ดี
  • ถนัดซ้ายหรือถนัดทั้งซ้ายและขวา
  • ทำงานสับสนไม่เป็นข้ันตอน

   ออทิสติก (Autistic)

                                      

  • หรือ ออทิซึ่ม (Autism)
  • เด็กที่ไม่สามารถมีปฏสัมพันธ์กับผู้อื่น
  • ไม่สามารถเข้าใจคำพูด ความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่น
  • ไม่สามารถที่จะสื่อสารกับคนรอบข้างและสังคม
  • เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเอง
  • ติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต


"ไม่สบตา ไม่พาที ไม่ชี้นิ้ว"

    วัด 4 ทักษะนี้

                                         

  • ทักษะภาษา
  • ทักษะทางสังคม
  • ทักษะการเคลื่อนไหว
  • ทักษะการรับรู้เกี่ยวกับรูปทรง ขนาดและพื้นที่
    ลักษณะของเด็กออทิสติก
  • อยู่ในโลกของตนเอง *คิดอะไรในหัวเยอะ
  • ไม่เข้าไปหาใครเพื่อให้ปลอบใจ
  • ไม่เข้าไปเล่นในกลุ่มเพื่อน
  • ไม่ยอมพูด
  • เคลื่อนไหวแบบซ้ำๆ
  1. ดูหน้าแม่                --->                  ไม่มองตา
  2. หันไปตามเสียง     --->                     เหมือนหหูหนวก
  3. เรียนรู้คำพูดเพิ่มเติม    --->                เคยพูดได้ต่อมาหยุดพูด 
  4. ร้องเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้าใกล้  --->    ไม่สนใจคนรอบข้าง
  5. จำหน้าแม่ได้         --->                    บางคนก็จำคนไม่ได้
  6. เปลี่ยนของเล่น       --->                   นั่งเล่นอย่างใดอย่างหนึ่ง
  7. เคลื่อนไหวอย่างมีจุดมุ่งหมาย   --->     มีพฤติกรรมแปลกๆ
  8. สำรวจและเล่นตุ๊กตา       --->             ดมหรือเลียตุ๊กตา
  9. ชอบความสุขและกลัวความเจ็บ   --->   ไม่รู้สึกเจ็บปวด ชอบทำร้ายตัวเอง และคนรอบข้าง
เกณฑ์การวินิจฉัยออทิสติกองค์การอนามัยโลกและสมาคมจิตแพทย์อเมริกา

     ความผิดปกติของปฏิสัมพันธ์ทางสังคม อย่างน้อย 2 ข้อ
  • ไม่สามารถใช้ภาษาท่าทางสื่อสารทางสังคมกับบุคคลอื่น
  • ไม่สามารถสร้างสัมพันธ์ภาพกับบุคคลให้เหมาะสมตามวัย
  • ขาดความสามารถในการแสวงหาการมีกิจกรรม ความสนใจ และความสนุกสนานร่วมกับผู้อื่น
  • ขาดทักษะการสื่อสารทางสังและทางอารมณ์กับผู้อื่น
     ความผิดปกติด้านการสื่อสาร อย่างน้อย 1 ข้อ
  • มีความล่าช้าหรือไม่มีการพัฒนาในด้านภาษาพูด
  • ในรายที่สามารถพูดได้แต่ไม่สามารถที่จะเริ่มต้นบทสนทนาหรือโต้ตอบบทสนทนากับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม
  • พูดซ้ำๆ หรือมีรูปแบบจำกัดในการใช้ภาษา เพื่อสื่อสารหรือส่งเสียงไม่เป็นภาษาอย่างไม่เหมาะสม
  • ไม่สามารถเล่นสมมุติหรือลอกตามจินตนาการได้เหมาะสมกับระดับพัฒนาการ
     มีพฤติกรรม ความสนใจ และกิจกรรที่ซ้ำๆ และจำกัด อย่างน้อย 1 ข้อ 
  • มีความสนใจที่ซ้ำๆ อย่างผิดปกติ
  • มีกิจวัตรประจำวันหรือกฎเกณฑ์ที่ต้องทำไม่สามารถยืดหยุ่นได้ ถึงแม้ว่ากิจวัตรหรือกฎเกณฑ์นั้นจะไม่มีประโยชน์
  • มีการเคลื่อนไวร่างกายซ้ำๆ
  • สนในเพียงบางส่วนของวัตถุ
 พฤติกรรมทำซ้ำ
  • นั่งเคาะโต๊ะ หรือโบกมือนานเป็นชั่วโมง
  • นั่งโยกหน้าโยกหลังเป็นเวลานาน
  • วิ่งเข้าห้องนี้ไปห้องโน้น
  • ไม่ยอมให้เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม
     พบความผิดปกติ อย่างน้อย 1 ด้าน (ก่อนอายุ 3 ขวบ) 
  • ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
  • การใช้ภาษาเพื่อสื่อความหมาย
  • การเล่นสมมติหรือการเล่นตามจินตนาการ
Autistic Savant ออทิสติกอัจฉริยะ
  • กลุ่มที่คิดด้วยภาพ (Visual Thinker)
    จะใช้การคิดแบบอุปนัย (Bottom up Thinking)
  • กลุ่มที่คิดโดยไม่ใช้ภาพ (Music,Math and Memory Thinker)
    จะใช้การคิดแบบนิรนัย (Top down Thinking)




Skill  (ทักษะ)
      - ทักษะการคิดวิเคราะห์
      - ทักษะการตอบคำถาม



    Application  (การประยุกต์ใช้)
           นำความรู้ที่ได้เรียนไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนกับเด็กพิเศษ  เราจะต้องจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับอาการของเด็กเเต่ละคน สอนให้เด็กเข้าใจหรือสอนให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้



    Technical  Education  (เทคนิคการสอน)
        - เทคการใช้สื่อในการสอน
        -เทคนิคการอธิบาย
        - เทคนิคการใช้ตัวอย่าง



     Evaluation (การประเมิน)
       Self  :  ตั้งใจเรียน   แต่งกายเรียบร้อย  เข้าใจในเนื้อหาที่เรียน
        Friend  :  ตั้งใจเรียน   ให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม
        Teacher  :  อาจารย์สอนเข้าใจง่าย  โดยการยกตัวอย่างประกอบ  และมีการให้ความรู้เพิ่มเติมนอกสไลด์