วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Lesson 12


บันทึกอนุทิน

วิชา  การจัดประสบการณ์การศึกษาเเบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
( Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood )
อารจารย์ผู้สอน  อ.กฤต  แจ่มถิน
ประจำวัน  พุธที่  26   เมษายน  2559
เรียนครั้งที่ 12   เวลา  08.30 -12.30 น.
กลุ่ม  102  ห้อง 224







Knowledge  (ความรู้)


ปรแกรมการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program)


      แผน IEP

  • แผนการศึกษาที่ร่างขึ้น
  • เพื่อให้เด็กพิเศษแต่ละคนได้รับการสอน และการช่วยเหลือฟื้นฟูให้เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถของเขา
  • ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก
  • โดยระบุเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการใช้แผนและวิธีการวัดประเมินผลเด็ก

      การเขียนแผน IEP
  • คัดแยกเด็กพิเศษ
  • ครูต้องรู้ว่าเด็กมีปัญหาอะไร
  • ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นระยะ จะทำให้ทราบว่าจะต้องเริ่มช่วยเหลือเด็กจากจุดไหน ในทักษะใด
  • เด็กสามารถทำอะไรได้  / เด็กไม่สามารถทำอะไรได้
  • แล้วจึงเริ่มเขียนแผน IEP

     IEP ประกอบด้วย
  • ข้อมูลส่วนตัวของเด็ก
  • ระบุว่าเด็กมีความจำเป็นต้องได้รับบริการพิเศษอะไรบ้าง
  • การระบุความสามารถของเด็กในขณะปัจจุบัน
  • เป้าหมายระยะยาวประจำปี / ระยะสั้น
  • ระบุวัน เดือน ปี ที่เริ่มทำการสอน และคาดคะเนการสิ้นสุดของแผน
  • วิธีการประเมินผล

     ประโยชน์ต่อเด็ก

  • ได้เรียนรู้ตามความสามารถของตน
  • ได้มีโอกาสพัฒนาตามศักยภาพของตน
  • ได้รับการศึกษาและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
  • ถ้าเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนจะไม่ถูกจัดเข้าชั้นเรียนเฉยๆ

     ประโยชน์ต่อครู
  • เป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่ตรงกับความสามารถและความต้องการของเด็ก
  • เป็นแนวทางในการเลือกสื่อการสอนและวิธีการสอนให้เหมาะกับเด็ก
  • ปรับเปลี่ยนได้เมื่อความต้องการเปลี่ยนแปลงไป
  • เป็นแนวทางในการประเมินผลการเรียนและการเขียนรายงานพัฒนาการความก้าวหน้าของเด็ก
  • ตรวจสอบและประเมินได้เป็นระยะ

     ประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
  • ได้มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการเรียนรายบุคคล เพื่อให้เด็กได้พัฒนาความสามารถได้สูงสุดตามศักยภาพ
  • ทราบร่วมกับครูว่าจะฝึกลูกของตนอย่างไร
  • เกิดความร่วมมือในการพัฒนาเด็ก มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างต่อเนื่อง และใกล้ชิดระหว่างบ้านกับโรงเรียน

ขั้นตอนการจัดทำแผนการศึกษารายบุคคล

      1. การรวบรวมข้อมูล

  • รายงานทางการแพทย์
  • รายงานการประเมินด้านต่างๆ
  • บันทึกจากผู้ปกครอง ครู และผู้ที่เกี่ยวข้อง
     2. การจัดทำแผน
  • ประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง
  • กำหนดจุดมุ่งหมายระยะยาวและระยะสั้น
  • กำหนดโปรแกรมและกิจกรรม
  • จะต้องได้รับการรับรองแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
     การกำหนดจุดมุ่งหมาย
  • ระยะยาว
  • ระยะสั้น
    จุดมุ่งหมายระยะยาว
  • กำหนดให้ชัดเจน แม้จะกว้าง
  • น้องนุ่นช่วยเหลือตนเองได้
  • น้องดาวร่วมมือกับผู้อื่นได้ดีขึ้น
  • น้องริวเข้ากับเพื่อนคนอื่นๆได้
     จุดมุ่งหมายระยะสั้น
  • ตั้งให้อยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายหลัก
  • เป็นพฤติกรรมที่เด็กสามารถทำได้ในระยะ 2-3 วัน หรือ 2-3 สัปดาห์
  • จะสอนใคร
  • พฤติกรรมอะไร
  • เมื่อไหร่ ที่ไหน (ที่พฤติกรรมนั้นจะเกิด)
  • พฤติกรรมนั้นต้องดีขนาดไหน
      ตัวอย่างเช่น

  • ใคร                         มุก
  • อะไร                       กระโดดขาเดียวได้        
  • เมื่อไหร่ / ที่ไหน        กิจกรรมกลางแจ้ง
  • ดีขนาดไหน              กระโดดได้ขาละ 5 ครั้ง   ในเวลา 30 วินาที


  • ใคร                        บอย
  • อะไร                      นั่งเงียบๆโดยไม่พูดคุย        
  • เมื่อไหร่ / ที่ไหน        ระหว่างครูเล่านิทาน
  • ดีขนาดไหน             ช่วงเวลาการเล่านิทาน 10 - 15 นาที   เป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน



      3. การใช้แผน

  • เมื่อแผนเสร็จสมบูรณ์ ครูจะนำไปใช้โดยจะใช้แผนระยะสั้น
  • นำมาทำเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
  • แยกย่อยขั้นตอนการสอนให้เหมาะกับเด็ก
  • จัดเตรียมสื่อและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
  • ต้องมีการสังเกตเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและความสามารถ โดยคำนึงถึง
  • ขั้นตอนพัฒนาการของเด็กปกติ
  • ตัวชี้วัดพื้นฐานที่เกี่ยวกับปัญหาของพัฒนาการเด็ก
  • อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมของเด็กและผู้ใหญ่ที่มีผลต่อการแสดงออกของเด็ก

     4. การประเมินผล 

  • โดยทั่วไปจะประเมินภาคเรียนละครั้ง หรือย่อยกว่านั้น
  • ควรมีการกำหนดวิธีการประเมิน และเกณฑ์วัดผล

** การประเมินในแต่ละทักษะหรือแต่ละกิจกรรม**
** อาจใช้วิธีวัดและกำหนดเกณฑ์แตกต่างกัน**


การจัดทำ IEP







ตัวอย่างแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล

















กิจกรรมวงกลมบอกตัวตน




รางวัลเด็กดี








Skill  (ทักษะ)
      - ทักษะการคิดวิเคราะห์
      - ทักษะการตอบคำถาม
     - ทักษะการแก้ปัญหา



    Application  (การประยุกต์ใช้)
           นำความรู้ที่ได้เรียนไปใช้ในการเขียนแผน IEP  ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมและอาการของเด็กพิเศษ ว่าเราต้องส่งเสริมเด็กพิเศษในเเต่ละด้านนั้นเด็กต้องการที่จะปรับพฤติกรรมหรือส่งเสริมในเเต่ละด้านอย่างไร 



    Technical  Education  (เทคนิคการสอน)
        - เทคการใช้สื่อในการสอน
        -เทคนิคการอธิบาย
        - เทคนิคการใช้ตัวอย่าง




     Evaluation (การประเมิน)
        Self  :  ตั้งใจเรียน   แต่งกายเรียบร้อย  เข้าใจในเนื้อหาที่เรียน  ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
        Friend  :  ตั้งใจเรียน   ให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม
        Teacher  :  อาจารย์สอนเข้าใจง่าย  โดยการยกตัวอย่างประกอบ  และมีการให้ความรู้เพิ่มเติมนอกสไลด์







Lesson 11



บันทึกอนุทิน

วิชา  การจัดประสบการณ์การศึกษาเเบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
( Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood )
อารจารย์ผู้สอน  อ.กฤต  แจ่มถิน
ประจำวัน  พุธที่  2  เมษายน  2559
เรียนครั้งที่ 11   เวลา  08.30 -12.30 น.
กลุ่ม  102  ห้อง 224





Knowledge  (ความรู้)



การส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรม เด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
  • เพื่อให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในชีวิตประจำวัน 
  • ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด  
  • เน้นการดูแลแบบองค์รวม (Holistic Approach

      1. การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา
  • เพิ่มทักษะพื้นฐานด้านสังคม การสื่อสาร และทักษะทางความคิด 
  • เกิดผลดีในระยะยาว 
  • เน้นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้เด็กสามารถใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆแทนการฝึกแต่เพียงทักษะทางวิชาการ
  • แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program; IEP)
  • โรงเรียนการศึกษาพิเศษเฉพาะทาง โรงเรียนเรียนร่วม ห้องเรียนคู่ขนาน

      2.การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม
  • การฝึกฝนทักษะในชีวิตประจำวัน (Activity of Daily Living Training)
  • การฝึกฝนทักษะสังคม (Social Skill Training)
  • การสอนเรื่องราวทางสังคม (Social Story)

     3. การบำบัดทางเลือก
  • การสื่อความหมายทดแทน (AAC)
  • ศิลปกรรมบำบัด (Art Therapy)
  • ดนตรีบำบัด (Music Therapy)
  • การฝังเข็ม (Acupuncture)
  • การบำบัดด้วยสัตว์ (Animal Therapy)

การสื่อความหมายทดแทน (Augmentative and Alternative Communication ; AAC)
  • การรับรู้ผ่านการมอง (Visual Strategies) 
  • โปรแกรมแลกเปลี่ยนภาพเพื่อการสื่อสาร (Picture Exchange Communication System; PECS) 
  • เครื่องโอภา (Communication Devices) 
  • โปรแกรมปราศรัย

เครื่องโอภา (Communication Devices)




Picture Exchange Communication System (PECS)




บทบาทของครู
  • ตำแหน่งการนั่งของเด็กไม่ควรให้นั่งติดหน้าต่างหรือประตู 
  • ให้เด็กนั่งแถวหน้าสุดใกล้โต๊ะครู
  • จัดให้เด็กนั่งติดกับนักเรียนที่ไม่ค่อยเล่น ไม่ค่อยคุยในระหว่างเรียน
  • ให้เด็กมีกิจกรรม เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง 


การส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ

     1. ทักษะทางสังคม
  • เด็กพิเศษที่ขาดทักษะทางสังคม ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการพ่อแม่
  • การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าเด็กจะมีพัฒนาการต่างๆอย่างมีความสุข

     กิจกรรมการเล่น
  • การเล่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ทักษะทางสังคม
  • เด็กจะสนใจกันเองโดยอาศัยการเล่นเป็นสื่อ
  • ในช่วงแรกๆ เด็กจะไม่มองเด็กคนอื่นเป็นเพื่อน  แต่เป็นอะไรบางอย่างที่น่าสำรวจ สัมผัส ผลัก ดึง

      ยุทธศาสตร์การสอน
  • เด็กพิเศษหลายๆคนไม่รู้วิธีเล่น  ไม่รู้ว่าจะเล่นอย่างไร
  • ครูเริ่มต้นจากการสังเกตเด็กแต่ละคนอย่างเป็นระบบ
  • จะบอกได้ว่าเด็กมีทักษะการเล่นแบบใดบ้าง
  • ครูจดบันทึก
  • ทำแผน IEP

      การกระตุ้นการเลียนแบบและการเอาอย่าง
  • วางแผนกิจกรรมการเล่นไว้หลายๆอย่าง
  • คำนึงถึงเด็กทุกๆคน
  • ให้เด็กเล่นเป็นกลุ่มเล็กๆ 2-4 คน
  • เด็กปกติทำหน้าที่เหมือน “ครู” ให้เด็กพิเศษ

      ครูปฏิบัติอย่างไรขณะเด็กเล่น
  • อยู่ใกล้ๆ และเฝ้ามองอย่างสนใจ
  • ยิ้มและพยักหน้าให้ ถ้าเด็กหันมาหาครู
  • ไม่ชมเชยหรือสนใจเด็กมากเกินไป
  • เอาวัสดุอุปกรณ์มาเพิ่ม เพื่อยืดเวลาการเล่น
  • ให้ความคิดเห็นที่เป็นแรงเสริม



     การให้แรงเสริมทางสังคมในบริบทที่เด็กเล่น
  • ครูพูดชักชวนให้เด็กร่วมเล่นกับเพื่อน
  • ทำโดย “การพูดนำของครู”


     ช่วยเด็กทุกคนให้รู้กฎเกณฑ์
  • ไม่ง่ายสำหรับเด็กพิเศษ
  • การให้โอกาสเด็ก
  • เด็กพิเศษต้องเรียนรู้สิทธิต่างๆเหมือนเพื่อนในห้อง
  • ครูต้องไม่ใช้ความบกพร่องของเด็กพิเศษเป็นเครื่องต่อรอง


2. ทักษะภาษา

      การวัดความสามารถทางภาษา
  • เข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูดไหม
  • ตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วยไหม
  • ถามหาสิ่งต่างๆไหม
  • บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไหม
  • ใช้คำศัพท์ของตัวเองกับเด็กคนอื่นไหม

      การออกเสียงผิด / พูดไม่ชัด.การพูดตกหล่น
  • การใช้เสียงหนึ่งแทนอีกเสียง
  • ติดอ่าง

      การปฏิบัติของครูและผู้ใหญ่
  • ไม่สนใจการพูดซ้ำหรือการออกเสียงไม่ชัด
  • ห้ามบอกเด็กว่า  “พูดช้าๆ”   “ตามสบาย”   “คิดก่อนพูด”
  • อย่าขัดจังหวะขณะเด็กพูด
  • อย่าเปลี่ยนการใช้มือข้างที่ถนัดของเด็ก
  • ไม่เปรียบเทียบการพูดของเด็กกับเด็กคนอื่น
  • เด็กที่พูดไม่ชัดอาจเกี่ยวข้องกับการได้ยิน

      ทักษะพื้นฐานทางภาษา
  • ทักษะการรับรู้ภาษา
  • การแสดงออกทางภาษา
  • การสื่อความหมายโดยไม่ใช้คำพูด

      พฤติกรรมตอบสนองการแสดงออกทางภาษา


         พฤติกรรมเริ่มการแสดงออกของเด็ก



      ความรับผิดชอบของครูปฐมวัย
  • การรับรู้ภาษามาก่อนการแสดงออกทางภาษา
  • ภาษาที่ไม่ใช่คำพูดมาก่อนภาษาพูด
  • ให้เวลาเด็กได้พูด
  • คอยให้เด็กตอบ (ชี้แนะหากจำเป็น)
  • เป็นผู้ฟังที่ดีและโตต้อบอย่างฉับไว (ครูไม่พูดมากเกินไป)
  • เด็กไม่ได้เรียนรู้ภาษาจากการฟังเพียงอย่างเดียว
  • ให้เด็กทำกิจกรรมกลุ่ม เด็กพิเศษได้มีแบบอย่างจากเพื่อน
  • กระตุ้นให้เด็กบอกความต้องการของตนเอง (ครูไม่คาดการณ์ล่วงหน้า)
  • เน้นวิธีการสื่อความหมายมากกว่าการพูด
  • ใช้คำถามปลายเปิด
  • เด็กพิเศษรับรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งพูดได้มากเท่านั้น
  • ร่วมกิจกรรมกับเด็ก

การสอนตามเหตุการณ์ (Incidental Teaching)



 




3. ทักษะการช่วยเหลือตนเอง

เรียนรู้การดำรงชีวิตโดยอิสระให้มากที่สุด
 การกินอยู่  
การเข้าห้องน้ำ 
การแต่งตัว
 กิจวัตรต่างๆในชีวิตประจำวัน



       การสร้างความอิสระ
  • เด็กอยากช่วยเหลือตนเอง
  • อยากทำงานตามความสามารถ
  • เด็กเลียนแบบการช่วยเหลือตนเองจากเพื่อน เด็กที่โตกว่า และผู้ใหญ่

    

     ความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญ
  • การได้ทำด้วยตนเอง
  • เชื่อมั่นในตนเอง
  • เรียนรู้ความรู้สึกที่ดี

      หัดให้เด็กทำเอง
  • ไม่ช่วยเหลือเกินความจำเป็น (ใจแข็ง)
  • ผู้ใหญ่มักทำสิ่งต่างๆให้เด็กมากเกินไป
  • ทำให้แม้กระทั่งสิ่งที่เด็กสามารถทำได้เองหากให้เวลาเขาทำ
  • “ หนูทำช้า ”  “ หนูยังทำไม่ได้ ” 

     จะช่วยเมื่อไหร่
  • เด็กก็มีบางวันที่ไม่อยากทำอะไร , หงุดหงิด , เบื่อ , ไม่ค่อยสบาย
  • หลายครั้งเด็กจะขอความช่วยเหลือในสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว
  • เด็กรู้สึกว่ายังมีผู้ใหญ่ที่พึ่งได้ แต่ต้องได้รับความช่วยเหลือเฉพาะสิ่งที่เด็กต้องการ
  • มักช่วยเด็กในช่วงกิจกรรม


      ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 2-3 ปี)



      ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 3-4 ปี)



      ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 4-5 ปี)




        ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 5-6 ปี)



       
     ลำดับขั้นในการช่วยเหลือตนเอง
  • แบ่งทักษะการช่วยเหลือตนเองออกเป็นขั้นย่อยๆ
  • ย่อยงาน 
  • เรียงลำดับตามขั้นตอน

     การเข้าส้วม
  • เข้าไปในห้องส้วม
  • ดึงกางเกงลงมา
  • ก้าวขึ้นไปนั่งบนส้วม
  • ปัสสาวะหรืออุจจาระ
  • ใช้กระดาษชำระเช็ดก้น
  • ทิ้งกระดาษชำระในตะกร้า
  • กดชักโครกหรือตักน้ำราด
  • ดึงกางเกงขึ้น
  • ล้างมือ
  • เช็ดมือ
  • เดินออกจากห้องส้วม

      การวางแผนทีละขั้น
  • แยกกิจกรรมเป็นขั้นย่อยๆให้มากที่สุด



     สรุป
  • ครูต้องพยายามให้เด็กทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง
  • ย่อยงานแต่ละอย่างเป็นขั้นๆ
  • ความสำเร็จขั้นเล็กๆนำไปสู่ความสำเร็จทั้งมวล
  • ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตนเอง
  • เด็กพึ่งตนเองได้ รู้สึกเป็นอิสระ


4. ทักษะพื้นฐานทางการเรียน

     เป้าหมาย
  • การช่วยให้เด็กแต่ละคนเรียนรู้ได้  
  • มีความรู้สึกดีต่อตนเอง
  • เด็กรู้สึกว่า “ฉันทำได้”
  • พัฒนาความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น
  • อยากสำรวจ อยากทดลอง

     ช่วงความสนใจ
  • ต้องมีก่อนการเรียนรู้อื่นๆ
  • จดจ่อต่อกิจกรรมในช่วงเวลาหนึ่งได้นานพอสมควร

      การเลียนแบบ

      การทำตามคำสั่ง คำแนะนำ

  • เด็กได้ยินสิ่งที่ครูพูดชัดหรือไม่
  • เด็กเข้าใจคำศัพท์ที่ครูใช้หรือไม่
  • คำสั่งยุ่งยากซับซ้อนไปหรือไม่

      การรับรู้ การเคลื่อนไหว


    ได้ยิน เห็น สัมผัส ลิ้มรส กลิ่น

     

    ตอบสนองอย่างเหมาะสม


          

          การควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก
    • การกรอกน้ำ ตวงน้ำ
    • ต่อบล็อก
    • ศิลปะ
    • มุมบ้าน
    • ช่วยเหลือตนเอง

         

         ตัวอย่างอุปกรณ์สำหรับเด็กพิเศษ
    • ลูกปัดไม้ขนาดใหญ่



    • รูปต่อที่มีจำนวนชิ้นไม่มาก



          ความจำ
    • จากการสนทนา
    • เมื่อเช้าหนูทานอะไร
    • แกงจืดที่เรากินใส่อะไรบ้าง
    • จำตัวละครในนิทาน
    • จำชื่อครู เพื่อน
    • เล่นเกมทายของที่หายไป


         การวางแผนการเตรียมพื้นฐานทางวิชาการ
    • จัดกลุ่มเด็ก
    • เริ่มต้นเรียนรู้โดยใช้ช่วงเวลาสั้นๆ
    • ให้งานเด็กแต่ละคนอย่างชัดเจนว่าต้องทำที่ไหน
    • ติดชื่อเด็กตามที่นั่ง
    • ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
    • ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
    • บันทึกว่าเด็กชอบอะไรที่สุด
    • รู้ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนงาน
    • มีอุปกรณ์ไว้สับเปลี่ยนใกล้มือ
    • เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเด็กมาถึง
    • พูดในทางที่ดี
    • จัดกิจกรรมให้เด็กได้เคลื่อนไหว
    • ทำบทเรียนให้สนุก




    Skill  (ทักษะ)
          - ทักษะการคิดวิเคราะห์
          - ทักษะการตอบคำถาม
         - ทักษะการแก้ปัญหา



        Application  (การประยุกต์ใช้)
               นำความรู้ที่ได้เรียนไปใช้ในการปรับพฤติกรรมของเด็กที่มีปัญหาในด้านต่างๆ ค่อยช่วยเหลือ และช่วยบำบัดให้เด็กมีพฤติกรรมที่ดี โดยใช้วิธีการปรับพฤติกรรมและการบำบัดที่หลากหลาย ส่วนคนที่มีพฤติกรรมที่ดีแล้วเราก็ช่วยส่งเสริมให้มีพฤติกรรมที่ดียิ่งขึ้น




        Technical  Education  (เทคนิคการสอน)
            - เทคการใช้สื่อในการสอน
            -เทคนิคการอธิบาย
            - เทคนิคการใช้ตัวอย่าง




         Evaluation (การประเมิน)
            Self  :  ตั้งใจเรียน   แต่งกายเรียบร้อย  เข้าใจในเนื้อหาที่เรียน  ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
            Friend  :  ตั้งใจเรียน   ให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม
            Teacher  :  อาจารย์สอนเข้าใจง่าย  โดยการยกตัวอย่างประกอบ  และมีการให้ความรู้เพิ่มเติมนอกสไลด์